เมื่อ “สแกมเมอร์” บงการเบื้องหลังบัญชีอายัด: ใครกันแน่ที่ควรพิสูจน์ความบริสุทธิ์?

เมื่อ “สแกมเมอร์” บงการเบื้องหลังบัญชีอายัด: ใครกันแน่ที่ควรพิสูจน์ความบริสุทธิ์?
ลองจินตนาการดูว่า…
วันหนึ่งคุณเปิดแอปฯ ธนาคาร แล้วพบข้อความสั้น ๆ ว่า “บัญชีนี้ถูกอายัด”
เงินหาย วงเงินติดลบ โอนออกไม่ได้ — และคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
นี่ไม่ใช่ฉากในซีรีส์อาชญากรรม
แต่นี่คือความจริงที่คนไทยหลายพันคนกำลังเผชิญ — จากการตกเป็นเหยื่อของ ขบวนการสแกมเมอร์ หรือกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้บัญชีคนธรรมดาเป็นช่องทางฟอกเงิน
คำถามคือ: ผู้บริสุทธิ์ต้องใช้เวลาชีวิตเท่าไหร่เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเอง “ไม่ได้เกี่ยวข้อง” กับสิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน?
เบื้องหลังระบบที่ “เร็วแต่ผิดเป้า”
ระบบป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ในไทย — โดยเฉพาะเรื่องการฟอกเงิน — มีแนวโน้ม “ตื่นตัว” ขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ธนาคารร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่ออายัดบัญชีต้องสงสัยให้เร็วที่สุด เพื่อปิดทางเงินผิดกฎหมาย
แต่ในกระบวนการที่ถูกออกแบบให้รวดเร็ว… กลับไม่มีใครถามว่า “แน่ใจแล้วหรือว่านี่คือบัญชีที่มีเจตนาโกง?”
ผู้บริสุทธิ์ = ผู้ต้องพิสูจน์?
ประเด็นที่น่ากังวลคือ — การอายัดบัญชีในระบบปัจจุบัน ใช้เกณฑ์การโอนเข้า-ออกที่ “ผิดปกติ” หรือ “เข้าข่ายความเสี่ยง”
จากนั้นระบบจะอายัดบัญชีแบบอัตโนมัติ แล้วแจ้งให้เจ้าของบัญชีจัดการหาหลักฐานมาชี้แจงเอง
หรือพูดให้ชัดคือ… ใครถูกสงสัย ต้องพิสูจน์เองว่าไม่ผิด
คำถามคือ — แล้วคนที่มีชีวิตแบบหาเช้ากินค่ำ ต้องเดินเรื่องกี่วัน? ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง? และในระหว่างนั้นเขาจะกินอะไร?
โครงสร้างที่ดึงคนธรรมดาเข้าสู่ระบบมิจฉาชีพ
สแกมเมอร์ในไทยวันนี้ไม่ใช่แค่โทรหลอกให้โอนเงิน
แต่พวกเขาคัดเลือกเป้าหมายจากคนที่ต้องการรายได้เสริม คนตกงาน แม่ค้าออนไลน์ หรือวัยรุ่นที่ไม่มีความรู้ทางการเงิน
บางครั้งข้อเสนอมาในรูปแบบง่าย ๆ เช่น
“เปิดบัญชีให้หน่อย มีค่าตอบแทน 1,000 บาท”
“ขอใช้บัญชีคุณรับโอนเงินต่างประเทศสักหน่อย เดี๋ยวมีค่านายหน้าให้”
เพียงครั้งเดียวที่ตอบตกลง — บัญชีก็กลายเป็น “บัญชีม้า” โดยไม่รู้ตัว
และในชั่วพริบตา… ก็ถูกอายัด
และถ้าไม่มีใครลุกขึ้นมาแก้?
ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่าที่เราคิด:
- คนจะเริ่ม ไม่กล้าเปิดบัญชีธนาคารใหม่
- กลุ่มเปราะบางถูกผลักออกจากระบบการเงินแบบไม่รู้ตัว
- อาชญากรจะฉลาดขึ้น เพราะรู้ว่าระบบรัฐช้าและเทอะทะ
- ความไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรมจะสึกหรอแบบไร้ทางฟื้น
สิ่งที่เริ่มจาก “การป้องกันภัยออนไลน์” อาจจบลงด้วย “การสร้างรัฐที่กลัวประชาชนมากกว่าปกป้อง”
ไม่ใช่แค่แก้รายกรณี — แต่ต้องปรับทั้งระบบ
สิ่งที่ควรเกิดขึ้นทันทีคือ:
- ตั้งศูนย์ช่วยเหลือบัญชีบริสุทธิ์ ที่มีอำนาจระงับอายัดชั่วคราว
- พัฒนาระบบ AI ธนาคารให้แยกแยะพฤติกรรมที่ผิดปกติจาก “การใช้ชีวิตประจำวัน” อย่างแม่นยำ
- สร้าง Sandbox กฎหมาย ที่ให้ประชาชนมี “ช่องทางทางเลือก” ในการโต้แย้งอย่างทันท่วงที
สิ่งเหล่านี้ต้องไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่คือ “มาตรฐานใหม่” ในยุคที่เงินหมุนไวกว่าเอกสาร
ความยุติธรรมที่ล่าช้า = ความอยุติธรรมในชีวิตจริง
บางคนเชื่อว่า… การควบคุมที่รัดกุมคือคำตอบของโลกที่เต็มไปด้วยอาชญากร
แต่นั่นคือกับดักของรัฐอำนาจนิยม
เพราะเมื่อการป้องกันถูกใช้เป็นข้ออ้างในการละเลยสิทธิของประชาชน รัฐอาจป้องกันได้ทุกอย่าง ยกเว้นความศรัทธาของประชาชนเอง